35934 จำนวนผู้เข้าชม |
แบบไหนถึงเรียกเท้าบวม?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า อาการแบบไหนที่เรียกว่า เท้าบวม กันนะ บอกได้เลยว่าสังเกตได้ไม่ยาก โดยหลัก ๆ จะมีอาการ ดังนี้
สาเหตุที่ทำให้เท้าบวมมีอะไรได้บ้าง
โรคหัวใจ - ในภาวะหัวใจวายน้ำท่วมปอดจะทำให้มีอาการขาบวมทั้งสองข้างอาจจะมีอาการเหนื่อยนอนราบไม่ได้ต้องใช้หมอนหลายใบร่วมด้วย
โรคไต - ในภาวะของไตวายเรื้อรังจะมีอาการน้ำเกิน ขาบวมทั้งสองข้างเหนื่อยนอนราบไม่ได้ปัสสาวะออกน้อย ส่วนในภาวะไตอักเสบหรือโปรตีนรั่วในปัสสาวะ จะพบว่าขาบวมทั้งสองข้างอาจพบความดันโลหิตสูง ปัสสาวะเป็นฟองร่วมด้วยได้ ถ้าเป็นมากอาจจะมีอาการบวมของหนังตาบนทั้งสองข้างได้
โรคเส้นเลือดดำอุดตันที่ขา - มักพบขาบวมข้างใดข้างหนึ่งอาจจะรู้สึกปวดได้ มักพบในคนไข้ที่ไม่ได้ขยับขา คนไข้หลังผ่าตัด คนไข้นอนติดเตียงหรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิดโรคนี้อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันเส้นเลือดดำที่ปอดอันตรายถึงชีวิตได้
การติดเชื้ออักเสบ - การติดเชื้ออักเสบที่เท้าทำให้เท้าบวมมีอาการแดงร้อนและปวดหรือมีไข้ได้ มักเป็นข้างใดข้างหนึ่ง
โรคหลอดเลือดดำบกพร่อง - ทำให้เลือดไหลย้อนกลับได้ไม่ดีจึงทำให้มีอาการบวมที่ขาข้างที่เป็นได้ โดยเฉพาะการยืนนานๆ
ท่อน้ำเหลืองอุดตัน - ก็สามารถทำให้เกิดภาวะเท้าบวมได้
ยาบางชนิดทำให้เกิดอาการบวมได้ - เช่น ยาฮอร์โมนเอสโตรเจนโปรเจสเตอโรน ยาความดันบางชนิด สเตียรอยด์ ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS) เช่นบรูเฟ่น
ภาวะตั้งครรภ์และอาการแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ - เช่นภาวะครรภ์เป็นพิษ
โรคตับ - ภาวะตับแข็งทำให้เกิดอาการบวมในขาทั้งสองข้างได้มักจะพบท้องบวมโตมีน้ำในช่องท้องได้
การวินิจฉัยใช้การตรวจแลปทางห้องปฏิบัติการ - เช่น การตรวจเม็ดเลือด การตรวจค่าไต การตรวจปัสสาวะเอกซเรย์ปอด การตรวจค่าตับ การประเมินหัวใจ เมื่อแพทย์ได้วินิจฉัยโรคแล้วก็รักษาตามอาการของโรคนั้นนั้น
ดังนั้นถ้าท่านมีภาวะอาการเท้าบวมสงสัยว่าจะเป็นโรคใดโรคหนึ่งจึงควรมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง และควรนำยาที่รับประทานอยู่ทั้งหมดมาพบแพทย์ด้วยเพื่อประเมินว่าอาการบวมนั้นเกิดจากยาหรือไม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://ch9airport.com
สยามสไมล์