ยิ่งขับเร็วการมองเห็นยิ่งแคบ “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ภัยเงียบของความเร็ว

1373 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ยิ่งขับเร็วการมองเห็นยิ่งแคบ “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ภัยเงียบของความเร็ว

     แม้ “การดื่มสุราแล้วขับรถ” จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจริง ๆ แล้ว “การขับขี่รถด้วยความเร็ว” กลับเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุซึ่งนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง

     คนขับรถเร็วส่วนใหญ่มักจะมีความมั่นใจในการตัดสินใจที่ปลายเท้าของตัวเองว่า สามารถหยุดรถได้ทันเมื่อเวลาเกิดเหตุ รวมถึงมั่นใจในสมรรถนะของรถที่ขับ ว่าถึงจะเร็วอย่างไรก็เอาอยู่ แต่น้อยคนจะรู้ว่า ทุกครั้งที่เราขับรถเร็ว มันจะเกิดปรากฏการณ์อย่างหนึ่งขึ้น นั่นก็คือวิสัยทัศน์อุโมงค์

“วิสัยทัศน์อุโมงค์” คืออะไร?

     ปกติ สายตาคนเราจะมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าได้รอบทิศทาง 180 องศา แต่เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว องศาในการมองเห็น จะลดลง ยิ่งเร็วเท่าไหร่การมองเห็นรายละเอียดจะยิ่งแคบลงมากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น

     จากปกติเราจะมีมุมการมองเห็นครบถ้วน 180 องศา แต่เมื่อเราขับรถด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มุมการมองเห็นของเราจะลดลงเหลือแค่ 100 องศา และถ้าความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราจะมองเห็นเพียง 40 องศา

     สรุปว่า ยิ่งขับรถเร็ว มองไม่เห็นด้านข้าง เกิด “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ที่การมองเห็นได้ชัดจะแคบลง อาจมองไม่เห็นอันตรายจากด้านข้าง และเมื่อเกิดเหตุกระชั้นชิด เหยียบเบรกไม่ทัน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุที่มีความรุนแรงสูง (บาดเจ็บหนัก หรือเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ)

     อย่าลืมว่า การมองเห็นด้านข้างคือสิ่งสำคัญสำหรับคนขับรถ เพราะบนเส้นทางที่รถของเรากำลังแล่นไปด้วยความเร็วนั้น มีสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้อยู่มากมายตลอดรายทาง ซึ่งเราอาจจะมองไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น “ป้ายเตือนข้างทาง” ทั้งป้ายลดความเร็ว ป้ายบอกทางแยก และป้ายแจ้งจุดกลับรถเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ระมัดระวัง รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ บนท้องถนนอีกจำนวนมาก เช่น รถที่กำลังออกจากซอย คนที่ข้ามถนนหนทาง ร้านค้าริมทาง หรือในเขตชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน อาจจะมีเด็ก ๆ วิ่งเล่น หรือสุนัขวิ่งข้ามถนนไปมา สิ่งเหล่านี้สามารถจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้โดยไม่คาดคิด

      หลายคนอาจบอกว่า ตัวเองมีสติ ควบคุมได้ ไม่มีปัญหา แต่อย่าลืมว่า “ยิ่งเร็ว ยิ่งพลาดได้ง่าย”

     ไม่มีใครรู้ว่าคำว่า “พลาด” จะเกิดกับเราเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ หากยังเพิ่มความเสี่ยงด้วยการขับขี่ด้วยความเร็ว จนทำให้การมองเห็นแคบลง คำว่า “พลาด” ยิ่งเกิดขึ้นง่าย

     พลาด!…ไม่ทันเห็นป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ข้างทาง ที่จะช่วยเตือน ลดความเร็ว ทางแยก หรือโค้งอันตราย

     พลาด!…ไม่ทันเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างถนน ที่ต้องเพิ่มความระวังมากขึ้น เช่น ตลาดนัดข้างทาง รถจอดริมทาง รถออกจากซอย

     พลาด!… ไม่ทันรู้ตัวว่าเข้าเขตชุมชน ต้องลดความเร็ว ต้องระวังมากขึ้น อาจมีคนข้ามถนน ร้านขายของริมทาง หรือแม้กระทั่งสุนัขที่อยู่ข้างทางและกำลังเดินมากลางถนน

     ยิ่งเร็ว เวลาที่ใช้ในการติดสินใจเหยียบเบรคยิ่งน้อย ยิ่งขับรถเร็ว เรายิ่งมองไม่เห็นด้านข้าง และนั่นก็ยิ่งเสี่ยงต่อเหตุการณ์ที่อาจทำให้จำเป็นต้องหยุดรถกะทันหัน แต่มั่นใจได้อย่างไรว่า เราจะสามารถหยุดรถได้ทันอย่างปลอดภัย เพราะปกติ เราจะใช้เวลาเพียงแค่ 2 วินาทีในการตัดสินใจว่าจะเบรกหรือจะหลบไปทางไหน จนกระทั่งเท้าแตะเบรก เป็น 2 วินาทีที่เสี่ยงอย่างที่สุด และยิ่งความเร็วมากขึ้น ยิ่งต้องการระยะหยุดรถที่มากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น

      ในกรณีความเร็วที่ 50 กม./ชม. มีระยะเบรกที่ 27 ม. ในขณะที่ความเร็ว 90กม./ชม. ต้องใช้ระยะเบรกถึง 83 ม. นั่นเป็นระยะเบรกมากขึ้นเกือบ 3 เท่าเลยทีเดียว นั่นหมายความว่า ทุกความเร็วที่เพิ่มขึ้น คือ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

     จากอุบัติเหตุที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากความชะล่าใจ คิดว่าตนเองเอาอยู่ โดยเฉพาะกับเรื่องความเร็ว แต่การบาดเจ็บและสูญเสียจนถึงชีวิตแทบทุกครั้งได้บอกกับเราว่า มันเกิดขึ้นมาจากการขับขี่รถที่เร็วเกินไปและพลาด

     ด้วยเหตุนี้ ก่อนจับพวงมาลัยและออกสตาร์ทครั้งต่อไป อยากให้ระลึกไว้ในใจเสมอว่า ยิ่งขับเร็ว ยิ่งไม่เห็นด้านข้าง ยิ่งเสี่ยงตาย… “ลดเร็ว ลดเสี่ยง”


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://marketeeronline.co/archives/35069

สยามสไมล์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้